“ALL” ปลื้มโรดโชว์นักลงทุนสถาบัน - รายย่อย ให้ความสนใจท่วมท้น

>>

Hightlight 

  • บมจ.ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ หรือ ALL หุ้นน้องใหม่ป้ายแดง ระบุว่าหลังเดินสายโรดโชว์ นักลงทุนสถาบัน-นักลงทุนทั่วไป ให้ความสนใจมาก
  • เตรียมเสนอขายหุ้นสามัญที่เสนอขายให้ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (ไอพีโอ) ปลายเดือนเมษายนนี้
  • ก่อนจะเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ในเดือนพฤษภาคม หรือเดือนนี้แล้ว        

 

 

นายเล็ก สิขรวิทย กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน (FA) บริษัท ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ALL เปิดเผยว่า จากการนำเสนอข้อมูล (โรดโชว์) ทั้งกลุ่มนักลงทุนสถาบัน และนักลงทุนทั่วไป ระหว่างวันที่ 1-4 เมษายน ในช่วงที่ผ่านมา ถือว่าได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างมาก เนื่องจาก ALL มีความโดดเด่นในการมุ่งมั่นพัฒนาที่อยู่อาศัยคุณภาพในพื้นที่ศักยภาพ และบริเวณพื้นที่แนวระบบขนส่งมวลชนหลักของกรุงเทพฯ เช่น BTS และ MRT เพื่อการคมนาคมที่สะดวกสบาย ใกล้แหล่งชุมชน ซึ่งสามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ การอยู่อาศัยได้อย่างแท้จริง

 

จุดแข็งของบริษัทในมุมมองของ FA 

ทั้งนี้จากจุดแข็งของบริษัทฯ ทำให้ทุกโครงการของ ALL ได้รับการการันตีด้วยยอดขาย ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทฯ มีความแข็งแกร่งด้านสถานะทางการเงิน  จะเห็นได้จากผลการดำเนินงาน ในช่วงที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2559 – 2561 กลุ่มบริษัทมีรายได้รวมและกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีรายได้รวม จำนวน 420 ล้านบาท, 714  ล้านบาท และ 2,343 ล้านบาท ตามลำดับ และในช่วงเวลาเดียวกันกลุ่มบริษัทมีกำไรสุทธิ จำนวน 11 ล้านบาท, 81 ล้านบาท และ 343  ล้านบาท ตามลำดับ ซึ่งจากอัตราการเติบโตของบริษัทฯ แสดงถึงสถานะทางการเงินและการเติบโตของบริษัทฯ ที่แข็งแกร่งอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่อัตราผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้น (ROE) ของบริษัทฯ มีการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากร้อยละ 2.72 ในปี 2559 เป็นร้อยละ 54.50 ในปี 2561 ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ประสิทธิภาพและความสามารถในการทำกำไรของกลุ่มบริษัท อยู่ในระดับที่ดีมาก

 

จากผลตอบรับการเข้าร่วมรับฟังการนำเสนอข้อมูล สะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนให้ความสนใจในธุรกิจของบริษัทฯ อีกทั้งยังเชื่อมั่นในปัจจัยพื้นฐานของธุรกิจ และมองเห็นถึงศักยภาพที่จะเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งในอนาคต ทำให้มั่นใจว่าในช่วงที่เปิดเสนอขายให้จองซื้อหุ้น ALL จำนวน 150 ล้านหุ้น คิดเป็น 26.79% ของจำนวนหุ้นหลัง IPO มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท ได้ในช่วงปลายเดือนเมษายน จะได้กระแสตอบรับที่ดีจากนักลงทุน ก่อนที่ ALL จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ภายในเดือนพฤษภาคม   

 

เสนอหุ้น IPO จำนวน 150 ล้านหุ้น 

นายธนากร ธนวริทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ หรือ ALL กล่าวว่า ด้วยกระแสการตอบรับที่ดีจากกลุ่มนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนทั่วไป หลังจากที่มีการนำเสนอข้อมูลในช่วงที่ผ่านมา ทำให้บริษัทฯ มีความมั่นว่า หุ้น IPO จำนวน 150 ล้านหุ้น ที่เตรียมเสนอขายในเร็วๆนี้ จะได้รับการตอบรับที่ดี เนื่องจาก  ALL มีจุดแข็ง การเป็นผู้นำอสังหาฯ ที่สามารถตอบโจทย์ความหลากหลายด้านที่อยู่อาศัย

 

                                                      ธนากร ธนวริทธิ์


โดยจะเห็นได้จากกลุ่มบริษัทประกอบธุรกิจพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัย ทั้งคอนโดมิเนียมแบบ Low Rise และ High Rise ภายใต้แบรนด์ ดิ เอ็กเซล ไรส์ และอิมเพรสชั่น รวมถึงทาวน์โฮม ภายใต้แบรนด์ เดอะ วิชั่น ซึ่งเป็นโครงการที่พัฒนาโดยกลุ่มบริษัทเอง และภายใต้กิจการร่วมค้าอีก 3 บริษัท คือ บริษัท ออลล์ อินสไปร์ - ฮูซิเออร์ สุขุมวิท 50 จำกัด (ALL Hoosiers) เพื่อพัฒนาโครงการ The Excel Hideaway Sukhumvit 50 ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมแบบ Low Rise บริษัท เอเอชเจ เอกมัย จำกัด (AHJ Ekkamai) เพื่อพัฒนาโครงการ Impression Ekkamai ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมแบบ High Rise  และบริษัท เอจี ทองหล่อ 12 จำกัด (AG Thonglor) เพื่อพัฒนาคอนโดมิเนียมแบบ High Rise ย่านทองหล่อ

 

ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับอสังหาริมทรัพย์ 

นอกจากนี้ยังมีธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ ธุรกิจให้บริการเป็นตัวแทนและนายหน้าในการขายอสังหาริมทรัพย์สำหรับตลาดต่างประเทศ ดำเนินงานภายใต้ บริษัท ไทย ดี เรียลเอสเตท จำกัด (Thai D) ธุรกิจลงทุนและซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ที่สร้างแล้วเสร็จ ภายใต้ชื่อ “Rise Venture” ดำเนินงานภายใต้ บริษัท ไรส์ เอสเตท จำกัด (RISE) และธุรกิจให้บริการบริหารจัดการนิติบุคคลอาคารชุด ดำเนินงานภายใต้ บริษัท ออลล์ พร็อพเพอร์ตี้ เซอร์วิส จำกัด (ALL Prop) ดังนั้นจากปัจจัยดังกล่าว ยิ่งเป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงศักยภาพความแข็งแกร่งของ ALL ในการเป็นผู้นำอสังหาริมทรัพย์ที่ครบวงจร แบบ Total Real Estate Solutions ได้มากยิ่งขึ้น   

 

“ALL เติบโตด้วยความแตกต่างอย่างมีสไตล์ โดยให้ความสำคัญกับ ราคา ทำเล และดีไซน์ ภายใต้แนวคิด “Class of Living : ชีวิตที่มีระดับ คือชีวิตที่คุณเลือกเอง” ทำให้ทุกโครงการของบริษัทฯ เป็นที่สนใจของกลุ่มลูกค้าและนักลงทุน โดยในปี 2561 มีรายได้รวม 2,343 ล้านบาท ซึ่งมาจากธุรกิจการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ มูลค่า 1,978 ล้านบาท ธุรกิจนายหน้าค้าอสังหาริมทรัพย์ มูลค่า 204 ล้านบาท และรายได้อื่น มูลค่า 161 ล้านบาท หรือคิดเป็น 84%, 9% และ 7% ตามลำดับ"

 

แบ็คล็อคมีอยู่เท่าไหร่แล้ว? 

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมียอดขายที่รอรับรู้รายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์ (Backlog) จำนวน 11 โครงการ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2561 มูลค่าประมาณ 6,354 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นไปอีกทั้งยังมีแผนจะเปิดตัวโครงการใหม่รวม 6 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 18,250 ล้านบาท แบ่งเป็น

 

  • โครงการคอนโดมิเนียมไฮไรส์ (High Rise) จำนวน 3 โครงการ ได้แก่ ทำเล ทองหล่อ 12 ทองหล่อ 16 และโครงการ อิมเพรสชั่น เอกมัย (Impression Ekkamai) 
  • โครงการคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ (Low Rise) จำนวน 3 โครงการ ได้แก่ ทำเลลาดพร้าว 62, 20 มิถุนาแยก 5 และลาซาล 83

อย่างไรก็ตามจากแผนกลยุทธ์ทางธุรกิจ ประกอบกับอัตราการเติบโตด้านผลการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ยิ่งเป็นเครื่องพิสูจน์ และตอกย้ำให้เห็นถึงศักยภาพ ของ ALL ในการก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ระดับชั้นนำของประเทศ สู่การสยายปีกต่อยอดธุรกิจจากการเตรียมเสนอขาย IPO และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ในเร็วๆ นี้ 

 

 

รองรับการขยายธุรกิจในอนาคต 

ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ สามารถก้าวขีดจำกัดในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน พร้อมทั้งสร้างความเชื่อมั้นให้แก่ผู้ถือหุ้น นักลงทุน คู่ค้า และสถาบันการเงิน เพื่อต่อยอดการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ใหม่ๆ ในอนาคต ตามนโยบายของ ALL ที่จะมุ่งเน้นการขยายธุรกิจ เพื่อสร้างผลการดำเนินงานให้มีความมั่นคงและเติบโตอย่างยั่งยืน และจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันได้มากขึ้น พร้อมทั้งจะมุ่งสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวให้แก่ผู้ถือหุ้นและนักลงทุนที่ให้ความไว้วางใจและเชื่อมั่นในบริษัทฯ

 

ปัจจุบัน ALL มีทุนจดทะเบียนจำนวน 560 ล้านบาท และมีทุนที่ออกและชำระเต็มมูลค่าแล้วจำนวน 410 ล้านบาท หรือคิดเป็น 410 ล้านหุ้น โดยบริษัทฯ มีวัตถุประสงค์ในการนำเงินระดมทุนที่ได้ จากการเสนอขายหลักทรัพย์ครั้งนี้ ไปใช้เป็นเงินทุนเพื่อการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในหลายพื้นที่ที่มีศักยภาพเป็นหลัก ส่วนที่เหลือจะใช้ชำระคืนเงินกู้ยืมและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงานในอนาคต